6 โรคเรื้อรัง ตัวการใหญ่ทำหญิง – ชายไม่ปึ๋งปั๋ง

   ปัญหา โรคเรื้อรัง ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศ คุณหมอ (ร้อยเอก นายแพทย์สุรชา ลีลายุทธการ) อยากให้เข้าใจภาพนี้ก่อน เราเรียกว่า “สเตียรอยด์พาทเวย์” (Steroid Pathway) ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางเพศที่สำคัญมาก

    หากดูจากกลไกสเตียรอยด์พาทเวย์นั้นจะเริ่มที่คอเลสเตอรอลซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้ง ผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเป็นตัวตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนหลายๆ ชนิด

โรคที่เกี่ยวข้องกับ คอเลสเตอรอล คือ

1. ไขมันในเลือดสูง

    คนไทยป่วยเป็นโรคนี้เยอะมาก ถ้าเป็นผู้หญิงอายุ 40 ปี ขึ้นไป มักจะต้องได้รับยาลดไขมันกลุ่มสแตติน (Statin) ผลข้างเคียงของยาชนิดนี้คือ ทำให้เซ็กซ์เสื่อม เพราะยาลดไขมันประเภทนี้ส่งผลให้กล้ามเนื้อสลายตัว และทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตามมา ซึ่งเป็นเรื่องต้องระวัง หากเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายตัวแล้ว ไตก็จะเริ่มเสื่อมด้วยจำเป็นต้องเจาะเลือดเพื่อดูค่าการทำงานของไตทุก3 – 6 เดือน โดยภาวะไขมันสูงนั้นมีสาเหตุมาจากการกินผิดและไม่ออกกำลั งกาย

2. ระดับฮอร์โมนเพศลดลง

     ฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลงทุกปีหลังจากอายุ 30 ปี เมื่อ อายุ 40 ปีขึ้นไป ถ้าระดับเอสโทรเจนลดลงมาก คอเลสเตอรอลจะถูกเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมน เทสทอสเทอโรนได้น้อยลง และยิ่งกินยาลดไขมันแบบต่อเนื่องโดยไม่ดูความเหมาะสม จนระดับคอเลสเตอรอลต่ำนานๆ ก็ทำให้กระบวนการสร้างฮอร์โมนเพศน้อยลงไปอีก ส่งผลให้ เซ็กซ์เสื่อมแน่นอน

3. ไม่มีกล้ามเนื้อ

     หลายคนเข้าใจว่าฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนสร้างจาก รังไข่ของผู้หญิงและจากอัณฑะของผู้ชายเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วกล้ามเนื้อลาย ก็สามารถสร้างเทสทอสเทอโรนได้ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องรณรงค์ให้ผู้หญิงที่อยาก มีกิจกรรมทางเพศปกติรักษาสุขภาพร่างกายให้มีกล้ามเนื้อ ไม่ให้มีระดับไขมัน ในร่างกายมากเกินไป

4. เครียด

     เมื่อเกิดความเครียดทั้งทางกายและใจก็ทำให้ฮอร์โมนเพี้ยนได้ เหมือนกัน โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวกับแรงขับดันทางเพศ

     เมื่อเกิดความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ กลไกการสร้างฮอร์โมนเพศคือฮอร์โมนเอสโทรเจนและเทสทอสเทอโรนน้อยลง

     การที่เราจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลอยู่ในเกณฑ์ปกติได้อยู่ที่การกิน 3G นั่นแหละ คือ แปะก๊วย (Gingo) ขิง (Ginger) และโสม (Ginseng) การทำ สมาธิ โยคะก็ช่วยได้ เราเรียกตัวช่วยเหล่านี้ว่า อะแดปโตรเจน (Adaptrogen) คือ ถ้าเรามีระดับคอร์ติซอลสูง ตัวช่วยเหล่านี้จะทำให้ฮอร์โมนเพศลดระดับลง หรือถ้ามีระดับคอร์ติซอลน้อยก็จะทำให้ฮอร์โมนเพศเพิ่มขึ้น เป็นการช่วยปรับสมดุล นั่นเอง

     สิ่งที่หมออยากเพิ่มเติมคือ การกินพวกสมุนไพรยาผีบอกที่มีสเตียรอยด์สูงๆ การกินยาที่มีสเตียรอยด์ผสมหรือการฉีดสารสเตียรอยด์ก็ทำให้มีฮอร์โมนคอร์ติซอล สูงเกินได้เหมือนกัน ซึ่งไม่ดี เพราะอาจจะทำให้กลไกการสร้างฮอร์โมนเพี้ยน

     ต้องให้เข้าใจว่า สเตียรอยด์นั้นไม่ได้น่ากลัว เพราะร่างกายสร้างเองอยู่แล้ว แต่ต้องระวังเอกซ์ ตร้าสเตียรอยด์ (Extra Steroid) คือ สเตียรอยด์ ที่มาจากภายนอก การได้รับสเตียรอยด์ปริมาณสูงเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคคุชชิ่ง (Cushing Syndrome) หรือมีภาวะต่อต้านอินซูลินได้เช่นกัน

     นอกจากนี้ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนยังเกี่ยวข้องกับความมั่นใจในตัวเองด้วย อย่างที่เห็นว่าปัญหาเซ็กซ์เสื่อมจะเกี่ยวข้องกับการทำงานหลายส่วนในร่างกาย ไม่ว่า จะเป็นความสมดุลของฮอร์โมน การทำงานของสมอง ความมั่นใจและความเคารพ ในตัวเอง ถ้าทั้งหมดนี้ลดลง เราก็จะไม่มีความรู้สึกทางเพศ

5. ปัจจัยที่มาจากสมอง

     ปกติแล้วอารมณ์ ทางเพศจะเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทในสมองด้วย คือ เวลาที่เรามีอารมณ์ทางเพศ ตาเห็นภาพ เกิดความรู้สึกขึ้นมา ซึ่งจะไปกระตุ้นสารสื่อ ประสาทในสมอง เช่น โดพามีน เอนดอร์ฟิน ให้หลั่ง แล้วซึมเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นจึงไป ที่อวัยวะเพศ

     เพราะฉะนั้นเราจะพบว่า คนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับสมอง ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุตอนเด็ก หรือประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ มักจะมีปัญหาเรื่อง เซ็กซ์ การดูแลสมองจึงสำคัญ ถามว่าสารสื่อ ประสาทนั้นสร้างขึ้นอย่างไร สารดังกล่าวสร้างมา จากกรดแอมิโน ซึ่งก็ได้แก่โปรตีนที่ดีชนิดต่างๆ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องกินอาหารที่มีโปรตีนที่ดี

6. เส้นเลือดส่วนปลายผิดปกติ

     ปัจจัยต่อมา ที่ส่งผลต่อการเกิดอารมณ์ทางเพศคือ เส้นเลือด ส่วนปลาย โดยโรคที่ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นเลือดส่วนปลายได้น้อย (Poor Perfusion) เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ระดับน้ำตาลสูง โรคอ้วนหรือคนที่ไม่ค่ อยออกกำลังกาย ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาที่เส้นเลือดส่วนปลายได้ทั้งสิ้น เมื่อพูดถึงผู้ชาย ภาวะนี้ก็ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว ได้ไม่นาน

     ดังนั้นเราต้องทราบว่า เรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่อง ของอวัยวะหลายระบบ (Multisystem) ไม่ใช่เพียง อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ดังนั้นความเข้าใจว่า ถ้ามี ปัญหาก็ไปกินยาช่วยทางเพศสิ จึงไม่ใช่สิ่งที่ ถูกต้อง

จาก คอลัมน์ชีวจิต Anti-aging นิตยสารชีวจิต ฉบับ 472